Subscribe to:
Post Comments (Atom)
*
…สาธุธรรมทั้งปวงครับ ปวงเราหมู่มนุษย์ จะพึงพัฒนาพระไตรปิฎกไปอย่างไรดีขอรับ พวกเราเองแม้นไม่ฉลาด แต่ว่าก็อยากพัฒนา และอยากทำประโยชน์ไว้ให้แก่วงการพระไตรปิฎก ถึงพระท่านเอง ท่านก็คิดอย่างเดียวกันนั่นแหละ คือท่านไม่ให้ห่วงตนเอง…
...siamindra...
*
เข้าใจว่าเรื่องนี้ เป็นการตีขลุม! ทอดเรื่องกันไปผิด หรืออย่างน้อยก็ด้วยความรู้สึกที่ผิด! เช่นว่า ท่านถือแต่ความที่รับแล้วเฉพาะพระพักตร์ เป็นต้น เรื่องนี้ก็เป็นอันว่า แม้นสมัยพุทธปรินิพพานนั่นเอง พระเถระรูปหนึ่งผู้ทรงบุญญาคุณูปการมากรูปหนึ่ง ท่านก็กล่าวอย่างนี้ ฉะนั้น! ก็จึงเกิดเรื่องการตีขลุม ประเด็น! แบบนี้ เช่นกล่าวนี้ มาตั้งแต่โบราณโน่นแล้ว
คือขออธิบายว่า จริง ๆ แล้ว ถ้าจับคำว่าบัญญัติ ฉะนั้น พระพุทธพจน์ ย่อมแต่ไม่ใช่เรื่องแต่แค่คำพูดแน่นอน ซึ่งธรรมและวินัยที่บัญญัติแล้ว แต่สาส์นสาระพิเศษก็คือ อุปกรณ์ เครื่องเขียนหรือเครื่องตราบัญญัติ สมัยนั้น ไม่มี คือถ้าจะมีก็จึงมีแต่สำนักพระราชา คหบดี หรือบัณฑิตใหญ่ ๆ เท่านั้น ฉะนั้น ท่านก็ทรงจำไว้ด้วยการทอดวาจา ต่อ ๆ กันไปก่อน , เช่นว่า การไม่ถ่ายทอดด้วยวาจาใช้ไม่ได้ เช่นดั่งที่ว่ากันว่า ตำราเผาทิ้งไป! ตำราฟาดทิ้งไป! อย่าสนใจ เป็นประเด็นเร้าใจอีกอย่างหนึ่ง มิใช่การกล่าวทำลายประโยชน์ ในทางหนังสือ
แล้วเรื่องนี้เอง นักเลงหัวขวิด! ยิ่งมัก ตีขลุมกันกว้างยิ่งขึ้น จนกระทั่ง กลายเป็นว่า ตำราแม้แต่พระพุทธพจน์ ฉะนั้น อันที่จะลดความเสี่ยง และทั้งจะยิ่งช่วยเพิ่มพูนความสมบูรณ์บริบูรณ์ตลอดไป แต่กลับกลายเป็นว่า ตำรา!ย่อมแต่จะไม่ดี ไปอย่างสิ้นเชิง
ก็เป็นดั่งเหตุการณ์ปัจจุบันนี้เอง ที่คนในภูมิภาคอุษาคเนย์ จะกระทำการคะเนการอะไร? ก็ไม่เก่งกว่า หรือไม่อาจจะเก่งเท่าฝรั่งไปได้ เพราะสิ่งแต่ปักใจฝังลึกลงไปแล้วว่า ตำรา ไม่ดี! ถึงแทบกับไม่ได้เรื่องซะเลย คือถือว่า ตำราไม่ใช่สิ่งสถาปนาเท่ากับการพูดปากเปล่า , ก็ว่าฉะนั้น พวกเราจงดูเถอะว่า แต่การสอนว่า ท่องพุท-โธ คำเดียวก็พอแล้ว ก็ยังเกิดขึ้น เป็นวงกว้างทั่วไป ซึ่งเมื่อก่อน ข้าพเจ้าก็ถือแต่อย่างนั้น เช่นกัน ถือ! เสียมากจริงทีเดียว
ในข้อนี้ แม้นยังไม่เกิดโทษ หรือเกิดไปแล้วไม่ทราบ แต่ยังไม่แย่เกินนัก ลงแต่นั้น! ผู้รู้ท่านก็น่าจะเปรียบว่า เป็นคนถือจับงู! ที่หาง ที่สุดแล้ว ไม่พ้น โดนโทษ ต้องโดนกัดตายแน่นอน อีกประการหนึ่งก็คือ มีสัญญาจร ไปผิด! ก็ย่อมเท่ากับกรอกข้อมูลรหัส!เข้ามาคอมพิวเตอร์ นี่ เช่นนั้น นั่นหละ ย่อมแต่จะไม่ตรงประโยชน์เลย เพราะว่าเชื่อมั่น แต่การณ์ แต่เฉพาะคำกล่าวอย่างตีขลุม! แต่แค่นั้น ๆ เท่านั้น เสวยสุขจรดให้จบไป ซึ่งท่านผู้รู้ท่านย่อมแต่บอกว่า ดีแต่การเสวยสุข แล้วก็ไปตามยถา! คือถือว่าเป็นไปตามยถากรรม แล้วดี
แต่ตอนนี้ ต้องเลิกห่วงใย เพราะว่าแค่พุท-โธอาจเสียเวลา ในทางประโยชน์ อันพึงควรจงหมั่น แค่หาแต่หมั่นจะท่องคำเดียว ฉะนั้น สู้ท่องซะหมื่นคำดีกว่า เพราะยากเท่ากัน แก่การจะทุ่มกระทำไปแต่เฉพาะ คือยอมทำไปอย่างเจียมตน ยอมนับถือรับรองจะทำวิธีตามที่ฝรั่งเขาทำมาดี จดจะได้บริกรรม! ตรงคำที่เขียนสมบูรณ์เต็มที่ดีแล้ว นับถือบริกรรมไปวันละคำ ถือเป็นการแก้ทุกข์กรรมฐาน ก็จึงควรนับว่าได้ถึงบัญญัติ เป็นเปรียบ ที่ดีกว่าจะนึกแค่บริกรรมพุท-โธ ไปคำเดียว จนตาย
Copyright © 2010 SabhaKhan is powered by Blogger
Design Disease Theme is created by: Design Histories brought to you by Blogger Themes
2 comments:
Phra Phutthawangso
January 31, 2022 at 2:17 PM
Permalink this comment
1
…สาธุธรรมทั้งปวงครับ ปวงเราหมู่มนุษย์ จะพึงพัฒนาพระไตรปิฎกไปอย่างไรดีขอรับ พวกเราเองแม้นไม่ฉลาด แต่ว่าก็อยากพัฒนา และอยากทำประโยชน์ไว้ให้แก่วงการพระไตรปิฎก ถึงพระท่านเอง ท่านก็คิดอย่างเดียวกันนั่นแหละ คือท่านไม่ให้ห่วงตนเอง…
...siamindra...
Phra Patjoto
April 12, 2022 at 4:56 PM
Permalink this comment
1
เข้าใจว่าเรื่องนี้ เป็นการตีขลุม! ทอดเรื่องกันไปผิด หรืออย่างน้อยก็ด้วยความรู้สึกที่ผิด! เช่นว่า ท่านถือแต่ความที่รับแล้วเฉพาะพระพักตร์ เป็นต้น เรื่องนี้ก็เป็นอันว่า แม้นสมัยพุทธปรินิพพานนั่นเอง พระเถระรูปหนึ่งผู้ทรงบุญญาคุณูปการมากรูปหนึ่ง ท่านก็กล่าวอย่างนี้ ฉะนั้น! ก็จึงเกิดเรื่องการตีขลุม ประเด็น! แบบนี้ เช่นกล่าวนี้ มาตั้งแต่โบราณโน่นแล้ว
คือขออธิบายว่า จริง ๆ แล้ว ถ้าจับคำว่าบัญญัติ ฉะนั้น พระพุทธพจน์ ย่อมแต่ไม่ใช่เรื่องแต่แค่คำพูดแน่นอน ซึ่งธรรมและวินัยที่บัญญัติแล้ว แต่สาส์นสาระพิเศษก็คือ อุปกรณ์ เครื่องเขียนหรือเครื่องตราบัญญัติ สมัยนั้น ไม่มี คือถ้าจะมีก็จึงมีแต่สำนักพระราชา คหบดี หรือบัณฑิตใหญ่ ๆ เท่านั้น ฉะนั้น ท่านก็ทรงจำไว้ด้วยการทอดวาจา ต่อ ๆ กันไปก่อน , เช่นว่า การไม่ถ่ายทอดด้วยวาจาใช้ไม่ได้ เช่นดั่งที่ว่ากันว่า ตำราเผาทิ้งไป! ตำราฟาดทิ้งไป! อย่าสนใจ เป็นประเด็นเร้าใจอีกอย่างหนึ่ง มิใช่การกล่าวทำลายประโยชน์ ในทางหนังสือ
แล้วเรื่องนี้เอง นักเลงหัวขวิด! ยิ่งมัก ตีขลุมกันกว้างยิ่งขึ้น จนกระทั่ง กลายเป็นว่า ตำราแม้แต่พระพุทธพจน์ ฉะนั้น อันที่จะลดความเสี่ยง และทั้งจะยิ่งช่วยเพิ่มพูนความสมบูรณ์บริบูรณ์ตลอดไป แต่กลับกลายเป็นว่า ตำรา!ย่อมแต่จะไม่ดี ไปอย่างสิ้นเชิง
ก็เป็นดั่งเหตุการณ์ปัจจุบันนี้เอง ที่คนในภูมิภาคอุษาคเนย์ จะกระทำการคะเนการอะไร? ก็ไม่เก่งกว่า หรือไม่อาจจะเก่งเท่าฝรั่งไปได้ เพราะสิ่งแต่ปักใจฝังลึกลงไปแล้วว่า ตำรา ไม่ดี! ถึงแทบกับไม่ได้เรื่องซะเลย คือถือว่า ตำราไม่ใช่สิ่งสถาปนาเท่ากับการพูดปากเปล่า , ก็ว่าฉะนั้น พวกเราจงดูเถอะว่า แต่การสอนว่า ท่องพุท-โธ คำเดียวก็พอแล้ว ก็ยังเกิดขึ้น เป็นวงกว้างทั่วไป ซึ่งเมื่อก่อน ข้าพเจ้าก็ถือแต่อย่างนั้น เช่นกัน ถือ! เสียมากจริงทีเดียว
ในข้อนี้ แม้นยังไม่เกิดโทษ หรือเกิดไปแล้วไม่ทราบ แต่ยังไม่แย่เกินนัก ลงแต่นั้น! ผู้รู้ท่านก็น่าจะเปรียบว่า เป็นคนถือจับงู! ที่หาง ที่สุดแล้ว ไม่พ้น โดนโทษ ต้องโดนกัดตายแน่นอน อีกประการหนึ่งก็คือ มีสัญญาจร ไปผิด! ก็ย่อมเท่ากับกรอกข้อมูลรหัส!เข้ามาคอมพิวเตอร์ นี่ เช่นนั้น นั่นหละ ย่อมแต่จะไม่ตรงประโยชน์เลย เพราะว่าเชื่อมั่น แต่การณ์ แต่เฉพาะคำกล่าวอย่างตีขลุม! แต่แค่นั้น ๆ เท่านั้น เสวยสุขจรดให้จบไป ซึ่งท่านผู้รู้ท่านย่อมแต่บอกว่า ดีแต่การเสวยสุข แล้วก็ไปตามยถา! คือถือว่าเป็นไปตามยถากรรม แล้วดี
แต่ตอนนี้ ต้องเลิกห่วงใย เพราะว่าแค่พุท-โธอาจเสียเวลา ในทางประโยชน์ อันพึงควรจงหมั่น แค่หาแต่หมั่นจะท่องคำเดียว ฉะนั้น สู้ท่องซะหมื่นคำดีกว่า เพราะยากเท่ากัน แก่การจะทุ่มกระทำไปแต่เฉพาะ คือยอมทำไปอย่างเจียมตน ยอมนับถือรับรองจะทำวิธีตามที่ฝรั่งเขาทำมาดี จดจะได้บริกรรม! ตรงคำที่เขียนสมบูรณ์เต็มที่ดีแล้ว นับถือบริกรรมไปวันละคำ ถือเป็นการแก้ทุกข์กรรมฐาน ก็จึงควรนับว่าได้ถึงบัญญัติ เป็นเปรียบ ที่ดีกว่าจะนึกแค่บริกรรมพุท-โธ ไปคำเดียว จนตาย
Post a Comment